วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เลเซอร์ (Laser)

เลเซอร์ (Laser) ย่อมาจากคำว่า Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation เทคโนโลยี เลเซอร์ มีการประดิษฐ์คิดค้นมากว่า 40 ปี และในทางผิวหนังมีการนำมาใช้อย่างจริงจังกว่า 20 ปีแล้ว ปัจจุบันถือได้ว่า เทคโนโลยีด้านเลเซอร์นี้มีความนิ่ง ปลอดภัยสูง ผ่านการศึกษามามากจนได้มาตรฐานการรักษา ให้ผลดี สามารถนำมาใช้รักษาโรคได้หลายชนิด ซึ่งไม่สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ด้วยวิธีการอื่น

เมื่อพูดถึง เลเซอร์ผิวหนัง คนส่วนหนึ่งอาจจะคิดว่า เลเซอร์มีเพียงอย่างเดียว แต่แท้จริงแล้วเลเซอร์มีหลายชนิดขึ้นกับแหล่งกำเนิดของแสงเลเซอร์ และมีข้อบ่งชี้ในการใช้แตกต่างกัน หลักการของเลเซอร์ผิวหนัง อาศัยหลัการที่ว่า Selective Photothermolysis กล่าวคือในการทำงานของ เลเซอร์เพื่อให้เกิดผลของการรักษานั้น อาศัยการทำให้เกิดความร้อนขึ้นในตำแหน่งที่ต้องการ นอกจากความร้อนแล้วก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากปฏิกริยาทางเคมี และ พลังของคลื่นเสียง (Acoustic shockwave) ด้วย แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความร้อน โดยที่สามารถกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดความร้อนได้โดย การกำหนดช่วงความยาวคลื่นของแสงให้เหมาะสม กำหนดระดับความลึกของตำแหน่งเป้าหมายด้วยขนาดของลำแสง (spot size) และความยาวคลื่นของแสง กำหนดขอบเขตการทำลายเนื้อเยื่อจากระยะเวลาของการฉายลำแสง (pulse width) และความถี่ของการยิงแสง (Frequnecy) ปัจจัยที่กล่าวถึงเหล่านี้ ทำให้เกิดผลที่แตกต่างกัน สำหรับตัวรับแสงที่ผิวหนัง โดยธรรมชาติแล้ว มีอยู่ 3 อย่าง ได้แก่ น้ำซึ่งเป็นส่วนประกอบของเซลล์ทุกเซลล์ของผิวหนัง, เม็ดสีน้ำตาล หรือดำของ melanin pigment , และสีแดงของเม็ดเลือด หรือ Hemoglobin
นอกจ ากนี้ตัวรับแสงก็อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในผิวหนังโดยธรรมชาติ เช่น เม็ดสีที่เกิดจากการสักหรือ สารที่เราทาลงไปที่ผิวหนังเพื่อให้เกิดผลในการรักษา เช่น aminolevulinic acid (ALA) ที่ใช้ในการรักษาที่เรียกว่า Photodynamic therapy

ปัจจุบัน สามารถจำแนกประเภทของ เลเซอร์ผิวหนังตามลักษณะการใช้ได้ดังนี้ 1. เลเซอร์ที่ใช้ในการลอกผิวออก (Ablative resurfacing) ซึ่งมีตัวรับแสงเป็นน้ำที่อยู่ในเซลล์ เลเซอร์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ Carbondioxide Laser และ Erbium : Yag Laser ซึ่ง เลเซอร์เหล่านี้มักจะใช้ร่วมกับส่วนประกอบที่เป็นหัวสแกนที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ (computerized flashscan) เพื่อให้มีความสม่ำเสมอ และรวดเร็วในการลอกเอาผิวหนังออก การรักษาด้วยวิธีนี้ ผิวหนังชั้นบนจะถูกลอกออกเป็นแผล ซึ่งจะต้องได้รับการดูแลอย่างดี เพื่อป้องกันผลแทรกซ้อน ส่วนใหญ่ใช้ในการแก้ไขรอยแผลเป็นจากสิวที่เป็นมาก และแก้ไขปัญหาผิวหนังที่เกิดจากอายุ เช่นริ้วรอย จุดดำ กระ 2. เลเซอร์ที่ใช้รักษาหลอดเลือด เช่น เส้นเลือดฝอย , ปานแดง เลเซอร์ที่ใช้ ได้แก่ Pulsed dye Laser และเลเซอร์ที่ใช้รักษาเส้นเลือดดำที่อยู่ลึกลงไปกว่าเส้นเลือดฝอยที่ผิวหนัง เลเซอร์ที่ใช้ ได้แก่ Long pulsed Nd:Yag , Long pulsed Diode Laser เลเซอร์ในกลุ่มนี้ นอกจากนำมาใช้รักษาหลอดเลือด แล้วยังมีการนำมาใช้รักษารอยแผลเป็นที่เป็นแบบนูนหนา (Keloid และ Hypertrophic scar) ตลอดจนรอยแตกของผิว (Striae) ได้ผลดีในระดับหนึ่ง 3. เลเซอร์ที่ใช้ในการรักษาเม็ดสี และรอยสัก เลเซอร์ที่ใช้ ได้แก่ frequency-double Q-Switched Nd:Yag Laser และ Q-Switched Alexandrite Laser โรคที่รักษาได้ผลดีพอสมควรได้แก่ ปานดำ, ปานโอตะ, กระลึก (Hori?s nevus) แต่การนำมารักษาฝ้ายังได้ผลไม่ดีนัก ส่วนรอยสักที่ได้ผลดี จะเป็นรอยสักที่มีสีเข้ม เช่นสีดำ, น้ำเงิน หรือแดง ส่วนสีเขียว และเหลืองได้ผลไม่ดีนัก