วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2551

การลอกหน้าโดยใช้สารเคมี (chemical peeling)


การลอกหน้าโดยใช้สารเคมี (chemical peeling)

chemical peeling คืออะไร
ผิวหนังของคนเรา เป็นอวัยวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผิวหนังประกอบด้วยชั้นหนังกำพร้า และชั้นหนังแท้ เซลล์ผิวหนังในชั้นหนังกำพร้าจะมีการสร้างขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลาจากชั้นลึก และจะมีการเคลื่อนจากชั้นลึก ขึ้นสู่ชั้นบน และลอกหลุดไปเป็นขี้ไคล ใช้ระยะเวลาประมาณ 28 วัน
การลอกหน้าด้วยสารเคมี เป็นการใช้สารเคมีทาบนผิวหน้า ทำให้เกิดการลอกหลุดของเซลล์ผิวหนังชั้นบน ตามมาด้วยการสร้างเซลล์ผิวหนังขึ้นใหม่จากข้างใต้ ผิวหนังใหม่จะมีความนุ่มนวล และสีผิวสม่ำเสมอกว่าเดิม นอกจากนั้นเชื่อว่า การที่ผิวหนังมีการอักเสบจากการใช้สารเคมีนี้จะทำให้มีการหลั่งสารหลั่งบางชนิด ไปกระตุ้นให้มีการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน ในชั้นหนังแท้เพิ่มมากขึ้น

การลอกหน้าโดยใช้สารเคมี มีระดับความลึกต่างๆกัน ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง
๑. ชนิดและความเข้มข้นของสารเคมีที่ใช้ เช่น glycolic acid 30-70%, trichloroacetic acid 10-30% , salicylic acid 30-50%, phenol(carbolic acid), Jessner's solution
๒. วิธีการขณะทำการลอกหน้า เช่น ทากี่ครั้ง ระยะเวลาที่สารเคมีสัมผัสผิวหน้า ใช้สำลีหรือแปรง การนวดผิวหน้าขณะทาสารเคมี
๓. ผิวหน้าของผู้รับการรักษาเอง แต่ละคนไวต่อสารเคมีมากน้อยต่างกัน นอกจากนั้นการได้การรักษาบางอย่างมาก่อน ก็มีผลเช่นกัน เช่น การทากรดผลไม้ (AHA), การทากรดวิตะมินเอ (Retinoic acid), การทายาจำพวกสเตียรอยด์ , การทายารักษาฝ้าบางชนิดเป็นเวลานานๆ จะทำให้ผิวหน้าไวต่อการลอกหน้ามากขึ้น

สิ่งที่คาดว่าจะได้ผลดีขึ้นจากการทำ chemical peeling
แพทย์ผิวหนัง ทำการลอกหน้าโดยใช้สารเคมี เพื่อรักษาภาวะต่างๆ เช่น
๑. การรักษาสิว การลอกผิวหนังช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิด comedone
๒. ใช้ในการรักษาสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอบนใบหน้า จากกระ ฝ้าชนิดตื้น กระแดด ความผิดปกติของสีผิวที่อยู่ในชั้นหนังกำพร้าแต่ภาวะบางอย่างที่มีความผิดปกติอยู่ลึก มักไม่ได้ผลจากการลอกหน้าด้วยสารเคมี เช่น ไฝ ขี้แมลงวัน รอยดำหลังการอักเสบที่มีเม็ดสีอยู่ในชั้นลึก เป็นต้น
๓. ใช้รักษาร่องรอยแผลเป็นจากสิว
๔. ใช้รักษาร่องรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ได้ผลกับรอยย่นที่ตื้นๆ
๕. รักษาโรคอื่นๆ ทางผิวหนัง เช่น การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังจากแสงแดด ที่เรียก actinic keratosis ซึ่งมีโอกาสเป็นมะเร็งผิวหนังได้ การรักษา xant้helasma ซึ่งเกิดจากมีไขมันมาสะสมที่ผิวหนังบริเวณเปลือกตา เป็นต้น

ขั้นตอนการทำ chemical peeling
หลังจากล้างหน้าให้สะอาดแล้ว จะมีการทาสารเคมีบนบริเวณใบหน้า ชนิด,ความเข้มข้น และระยะเวลาที่ทา ขึ้นกับความเหมาะสมในแต่ละรายไป ระหว่างที่ทำการรักษา จะมีอาการแสบและรู้สึกยิกๆ บริเวณที่สารเคมีสัมผัส ในรายที่ทำการลอกหน้าชนิดลึก อาจมีอาการแสบร้อน จนถึงปวดได้

การดูแลผิวหลังการทำ chemical peeling
ลักษณะผิวหน้าหลังการลอกหน้า ขึ้นกับความลึกของการลอกหน้า ถ้าทำการลอกหน้าเพียงตื้นๆ อาจไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน อาจมีการลอกเป็นขุยๆ ซึ่งการใช้ครีม moisturizer จะช่วยให้ผิวกลับสู่สภาพปกติได้
ผิวหน้าหลังการรักษาจะไวต่อแสงแดด จึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดด โดยเฉพาะ ช่วงเวลาระหว่าง ๑๐ โมงเช้า ถึง ๓ โมงเย็น ถ้าจำเป็นต้องออกไปกลางแดด ควรกางร่ม หรือใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 15 เป็นอย่างน้อย ก่อนออกไปกลางแดดประมาณ ๑/๒ ชั่วโมง

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
-ในบางรายอาจมีสีผิวคล้ำขึ้นได้ โดยเฉพาะในรายที่มีสีผิวคล้ำอยู่แล้ว หรือรับประทานยาคุมกำเนิด หรือโดนแสงแดดมาก
-การเกิดแผลเป็น พบได้น้อยมาก มักพบในรายที่ลอกผิวหนังลงถึงชั้นลึก หรือในรายที่มีการอักเสบของแผลเกิดขึ้น หรือในคนที่เป็นคีลอยด์ง่าย นอกจากนี้มีรายงานว่า การรับประทานยาในกลุ่มกรดวิตะมินเอก่อนทำการลอกหน้า จะมีโอกาสเกิดแผลเป็นได้มากขึ้น
-การติดเชึ้อเริมที่แผล โดยเฉพาะในรายที่มีประวัติของเริมอยู่ก่อน
-ผลข้างเคียงที่รุนแรง การลอกหน้าโดยใช้สารเคมี มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ จึงไม่ควรทำโดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ เพราะอาจไม่มีความรู้เพียงพอถึงคุณสมบัติของสารเคมีที่ใช้ การลอกหน้าในปัจจุบัน สารเคมีที่นิยมใช้คือ กรดผลไม้ ในความเข้มข้นต่างๆกัน พบการแพ้น้อยมาก(แต่ก็มีรายงานการแพ้) ค่อนข้างปลอดภัย
สารเคมีชนิดที่มีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าใช้ไม่ถูกต้อง ได้แก่ resorcinol, salicylic acid, phenol(carbolic acid)

สิ่งที่ผู้รับการรักษาควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษา
๑. หากท่านมีประวัติ การเกิดแผลเป็นง่าย หรือมีแผลเป็นชนิดคีลอยด์
๒. หากท่านมีประวัติเคยเป็นเริม
๓.หากท่านใช้ กรดผลไม้(AHA), กรดวิตะมินเอ( Retinoic acid), ยาทาจำพวกสเตียรอยด์ ,ยาทารักษาฝ้า หรือกินยารักษาสิวในกลุ่มกรดวิตะมินเอ มาก่อน
๔. หากมีภาวะต่างๆ ดังต่อไปนี้ ควรเลื่อนการทำการลอกหน้าออกไปก่อน
- มีการอักเสบของผิวหน้า เช่นมีสิวอักเสบ
- มีรอยขีดข่วน หรือรอยถลอกบนใบหน้า
- กำลังมีการติดเชื้อเริม ที่ริมฝีปาก หรือบริเวณใบหน้า
- เพิ่งทำการผ่าตัดบนใบหน้าไปภายใน ๓ เดือน เช่น ผ่าตัดหนังตา ดึงหน้า เป็นต้น